การตอกเสาเข็ม ต่างกับเจาะเสาเข็ม อย่างไร

ตอกเสาเข็ม ต่างกับเจาะเสาเข็ม อย่างไร

การตอกเสาเข็มและการเจาะเสาเข็มเป็นวิธีการต่าง ๆ ในการติดตั้งเสาเข็มลงไปในดิน ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้:

การตอกเสาเข็ม (Pile Driving)

  1. กระบวนการ: ใช้ปั้นจั่นหรือเครื่องมือพิเศษที่สร้างแรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนในการตอกเสาเข็มลงไปในดินโดยตรง
  2. ลักษณะการทำงาน: ใช้แรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนเพื่อให้เสาเข็มลงไปในดิน ซึ่งสามารถทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
  3. ประเภทเสาเข็ม: มักใช้เสาเข็มคอนกรีตหรือเหล็กที่มีการเตรียมพร้อมก่อนนำมาตอก
  4. เสียงและการสั่นสะเทือน: มีเสียงดังและเกิดการสั่นสะเทือนมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรบกวนในพื้นที่รอบข้าง
  5. ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ดินไม่แข็งมากและไม่มีข้อจำกัดเรื่องเสียงหรือการสั่นสะเทือน

การเจาะเสาเข็ม (Bored Piling)

  1. กระบวนการ: ใช้เครื่องมือเจาะเพื่อสร้างหลุมในดินก่อนที่จะใส่เสาเข็มลงไปในหลุมและเทคอนกรีตลงไป
  2. ลักษณะการทำงาน: ต้องเจาะดินและสร้างหลุมก่อน ซึ่งใช้เวลาและความละเอียดมากขึ้น
  3. ประเภทเสาเข็ม: สามารถใช้เสาเข็มคอนกรีตที่เทลงไปในหลุมที่เจาะไว้ หรือใช้เสาเข็มสำเร็จรูปที่เตรียมไว้ล่วงหน้า
  4. เสียงและการสั่นสะเทือน: มีเสียงและการสั่นสะเทือนน้อยกว่าการตอกเสาเข็ม ซึ่งทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดความรบกวนในพื้นที่รอบข้าง
  5. ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ดินแข็งหรือมีข้อจำกัดเรื่องเสียงและการสั่นสะเทือน รวมถึงการก่อสร้างในพื้นที่ที่มีอาคารอยู่ใกล้เคียง

สรุป

  • การตอกเสาเข็ม ใช้แรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนในการตอกเสาเข็มลงไปในดิน มีเสียงและการสั่นสะเทือนมาก
  • การเจาะเสาเข็ม ใช้การเจาะดินและสร้างหลุมก่อนที่จะใส่เสาเข็มลงไป มีเสียงและการสั่นสะเทือนน้อยกว่า

การเลือกใช้วิธีการใดขึ้นอยู่กับสภาพดิน ข้อกำหนดของโครงการ และข้อจำกัดทางสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้น ๆ

การตอกหรือเจาะ ควรพิจรณาพื้นที่อย่าไร

การเลือกใช้วิธีการตอกเสาเข็มหรือเจาะเสาเข็มขึ้นอยู่กับสภาพดิน ข้อกำหนดของโครงการ และข้อจำกัดทางสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้น ๆ ดังนี้

พื้นที่การตอกเสาเข็ม

ดินอ่อนหรือดินเหนียว: การตอกเสาเข็มเหมาะกับดินที่ไม่แข็งมาก เช่น ดินเหนียวหรือดินอ่อน ซึ่งเสาเข็มสามารถลงไปได้ง่ายด้วยแรงกระแทก

  1. พื้นที่เปิด เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงและการสั่นสะเทือน เช่น ในพื้นที่ที่ไม่มีอาคารหรือโครงสร้างใกล้เคียง
  2. งานก่อสร้างขนาดใหญ่ การตอกเสาเข็มมักใช้ในโครงการก่อสร้างใหญ่ ๆ ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพ เช่น สะพาน ทางด่วน หรืออาคารสูง

ข้อควรพิจารณา ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีการควบคุมเรื่องเสียงและการสั่นสะเทือน เนื่องจากการตอกเสาเข็มทำให้เกิดเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน

พื้นที่การเจาะเสาเข็ม

  1. ดินแข็งหรือมีชั้นหิน การเจาะเสาเข็มเหมาะกับดินที่มีความแข็งหรือมีชั้นหิน ซึ่งการตอกเสาเข็มจะทำได้ยากหรือไม่สามารถทำได้
  2. พื้นที่ใกล้เคียงกับอาคารอื่น เหมาะกับการก่อสร้างในพื้นที่ที่มีอาคารหรือโครงสร้างใกล้เคียง เนื่องจากการเจาะเสาเข็มมีเสียงและการสั่นสะเทือนน้อยกว่า
  3. โครงการในพื้นที่ที่มีการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม การเจาะเสาเข็มเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการลดผลกระทบทางเสียงและการสั่นสะเทือน เช่น ในเมืองหรือพื้นที่ชุมชน

ข้อควรพิจารณา ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่า เนื่องจากต้องมีการเจาะหลุมและการเตรียมการที่ซับซ้อนกว่าการตอกเสาเข็ม

สรุปการเลือกพื้นที่ต่อการตอกและเจาะเสาเข็ม

  • ตอกเสาเข็ม เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ดินไม่แข็งมาก และไม่มีข้อจำกัดเรื่องเสียงหรือการสั่นสะเทือน เช่น ในพื้นที่เปิดหรือโครงการขนาดใหญ่
  • เจาะเสาเข็ม เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ดินแข็งหรือมีชั้นหิน และมีข้อจำกัดเรื่องเสียงและการสั่นสะเทือน เช่น ในพื้นที่ที่มีอาคารใกล้เคียงหรือพื้นที่ที่มีการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม

การเลือกวิธีการตอกเสาเข็มหรือเจาะเสาเข็มควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และข้อกำหนดของโครงการ

การเจาะแบบเปียก และแบบแห้ง

การเจาะแบบเปียก (Wet Drilling)

กระบวนการ

  • ใช้น้ำหรือสารละลายที่เรียกว่า “สารละลายเบนโทไนต์ (Bentonite slurry)” ในการเจาะ เพื่อช่วยในการหล่อลื่นและระบายความร้อนของเครื่องเจาะ
  • สารละลายเบนโทไนต์จะช่วยให้ดินและหินถูกนำออกจากหลุมเจาะได้ง่ายขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้ผนังหลุมเจาะพังทลาย
  • หลังจากเจาะหลุมเสร็จแล้ว จะมีการสูบน้ำหรือสารละลายออกจากหลุมก่อนที่จะเทคอนกรีตลงไป
  • วิธีนี้เหมาะสำหรับดินที่มีน้ำใต้ดินสูง หรือในพื้นที่ที่ดินมีความไม่แน่นอนและอาจเกิดการพังทลายได้
  • ข้อดีสามารถเจาะได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในดินที่มีน้ำใต้ดินสูง
  • ลดปัญหาการพังทลายของผนังหลุมเจาะ
  • ข้อเสียต้องมีการจัดการกับน้ำหรือสารละลายที่ใช้ในกระบวนการ ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการกำจัดและการบำบัดน้ำ

การเจาะแบบแห้ง (Dry Drilling)

กระบวนการ

  • เจาะดินโดยไม่ใช้น้ำหรือสารละลายในการเจาะ โดยอาศัยแรงของเครื่องเจาะและแรงกดของเครื่องจักร
  • การเจาะแบบแห้งมักใช้ในดินที่ไม่มีน้ำใต้ดินสูงและไม่มีความเสี่ยงที่ผนังหลุมเจาะจะพังทลาย
  • เมื่อเจาะเสร็จแล้ว สามารถใส่เสาเข็มและเทคอนกรีตลงไปได้โดยตรง
  • วิธีนี้เหมาะสำหรับดินที่มีความแน่นและไม่อ่อนตัวเมื่อเจาะ
  • ข้อดีกระบวนการง่ายและรวดเร็ว
  • ไม่ต้องจัดการกับน้ำหรือสารละลายหลังจากเจาะเสร็จ
  • ไม่เหมาะสำหรับดินที่มีน้ำใต้ดินสูงหรือดินที่มีความเสี่ยงที่ผนังหลุมเจาะจะพังทลาย

สรุปความแตกต่าง

  • การเจาะแบบเปียก: ใช้น้ำหรือสารละลายในการเจาะ เหมาะสำหรับดินที่มีน้ำใต้ดินสูงและต้องการป้องกันการพังทลายของผนังหลุมเจาะ
  • การเจาะแบบแห้ง: เจาะโดยไม่ใช้น้ำหรือสารละลาย เหมาะสำหรับดินที่ไม่มีน้ำใต้ดินสูงและมีความแน่น

การเลือกวิธีการเจาะขึ้นอยู่กับสภาพดินและข้อกำหนดของโครงการ การเจาะแบบเปียกเหมาะกับพื้นที่ที่มีน้ำใต้ดินสูงหรือดินที่ไม่แน่น ส่วนการเจาะแบบแห้งเหมาะกับพื้นที่ที่ดินมีความแน่นและไม่มีน้ำใต้ดินสูงค่ะ